Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

[email protected]

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawเรื่อง: ปัจจัยใหม่สำหรับการปรับสถานะจากวีซ่า K-1 (ประเทศคู่หมั้น)

เรื่อง: ปัจจัยใหม่สำหรับการปรับสถานะจากวีซ่า K-1 (ประเทศคู่หมั้น)

For the English transcript of this video please go to the following link:

https://www.legal.co.th/resources/visa-immigration-law/us-immigration-law/new-factors-adjustment-status-k-1-fiancee-visa/

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) ที่เกี่ยวกับการปรับสถานะ และระเบียบวิธีการชุดใหม่ในการปรับสถานะ ในมุมมองด้านนโยบาย

ก่อนอื่น สำหรับผู้ที่ยังไม่ทราบเกี่ยวกับวีซ่าประเภทนี้คือ ผู้ที่เดินทางเข้าสหรัฐฯด้วยวีซ่า K-1 จะได้รับอนุญาตให้พำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐฯเพียงชั่วคราวเท่านั้น ถ้าผู้นั้นสมรสกับคู่หมั้นและยื่นคำร้องขอให้ปรับสถานะ แล้วการขอปรับสถานะนั้นได้รับการอนุมัติ นั่นก็คือกระบวนการของการเปลี่ยนสถานะจากผู้ถือวีซ่า K-1 ไปเป็นผู้ที่ได้รับตราประทับ I-551 หรือเป็นผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งบางครั้งอาจจะเรียกว่าเป็นผู้ได้รับกรีนคาร์ด นั่นคือขั้นตอนที่บุคคลหนึ่งจะเปลี่ยนผ่านสถานะของตนจากผู้ถือวีซ่า K-1 ไปเป็นผู้ถือกรีนการ์ดด้วยการสมรส

นโยบายใหม่ของ USCIS ซึ่งประกาศเมื่อ17 พฤศจิกายน 2020 มีใจความว่า: "เรื่อง: การใช้วิจารณญาณในการปรับสถานะ วัตถุประสงค์: สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐได้ปรับเปลี่ยนนโยบายในคู่มือของสำนักงานเกี่ยวกับปัจจัยต่างๆที่จะใช้ในการพิจารณาคำร้องเกี่ยวกับการขอปรับสถานะ โดยในการยื่นคำร้องขอปรับสถานะนั้น ผู้ยื่นคำร้องมีหน้าที่ที่จะต้องแสดงว่าตนมีความเหมาะสมที่จะได้รับการปรับสถานะ ถ้าผู้ยื่นคำร้องสามารถที่จะแสดงความเหมาะสมได้และสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติพิจารณาแล้วว่าปัจจัยนั้นเป็นไปในทางบวกมากกว่าทางลบ" (ตรงจุดนี้สำคัญเพราะเป็นการปรับสมดุลในการใช้วิจารณญาณ) เจ้าหน้าที่สามารถที่จะใช้วิจารณญาณเพื่อที่จะอนุมัติคำร้องนั้น  ในทางตรงกันข้าม มีบางอย่างซ่อนอยู่ซึ่งคุณต้องระวัง ถ้าปัจจัยที่เป็นลบมีมากกว่าปัจจัยที่เป็นบวกเจ้าหน้าที่สามารถที่จะใช้วิจารณญาณในการปฏิเสธคำร้องนั้น สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติจะพิจารณาจากสถานการณ์รวมของผู้ยื่นคำร้องซึ่งอาจจะรวมถึงปัจจัยต่างๆเช่น ความประพฤติของผู้ยื่นคำร้อง อุปนิสัย ครอบครัว หรือข้อผูกพันอื่นๆทางกฎหมาย ประวัติและสถานะในการเข้าเมือง หรือข้อกังวลอื่นๆด้านมนุษยธรรม เพื่อพิจารณาว่าควรจะอนุมัติหรือไม่" ส่วนตัวผมมักจะหงุดหงิดและเป็นกังวลอยู่ไม่น้อยเมื่อมีการใช้วิธีการวิเคราะห์แบบชั่งน้ำหนัก ซึ่งเราจะเห็นการวิเคราะห์ประเภทนี้ใน มาตรา 214b ของกฎหมายการเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ ที่ใช้ในการพิจารณาวีซ่าประเภทนักท่องเที่ยว ซึ่งคุณจะต้องแสดงให้เห็นว่ามีความผูกพันที่เข้มข้นกับประเทศของตนเองและมีความผูกพันที่ไม่มากนักกับสหรัฐฯ

สิ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับนโยบายใหม่นี้คือ การที่นำปัจจัยที่เป็นเชิงลบที่อาจจะมีน้ำหนักมากกว่าปัจจัยในเชิงบวกมาใช้ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นของสิ่งที่วัดค่าได้ยากเช่น ความประพฤติ นิสัยและครอบครัวเป็นต้น ส่วนในทางปฏิบัติจะมีผลเป็นอย่างไร ก็ต้องรอดูกันต่อไป แต่สำหรับผมแล้ว ดูเหมือนจะเป็นลางสังหรณ์ว่า ผู้ที่กำลังรอปรับสถานะจะถูกพิจารณาโดยกรอบความคิดที่ไม่ชัดเจน ในการตัดสินว่าผู้นั้นมีความเหมาะสมที่จะไดรับการปรับสถานะหรือไม่ 

เราจะทำวีดีโออื่นๆอีกต่อไปในช่องรับฟังนี้ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงใดๆเกิดขึ้น แต่ผมมองว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับผู้ที่กำลังรอการปรับสถานะจากวีซ่า K-1 ในสหรัฐฯ