Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawการติดเชื้อ HIV มีผลต่อการถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯหรือไม่?

การติดเชื้อ HIV มีผลต่อการถูกปฏิเสธวีซ่าเข้าสหรัฐฯหรือไม่?

Please see English language transcript at: US Visa HIV infection.

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงภาวะการติดเชื้อ HIV ในประเด็นของการยื่นคำร้องขอทำวีซ่าเข้าสหรัฐฯ

ภายใต้กฎหมายเดิมของสหรัฐฯ โดยสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองและสัญชาติของสหรัฐฯ  (USCIS) จะมีการใช้การติดเชื้อ HIV เป็นเหตุผลในการปฏิเสธการอนุญาตให้ทำวีซ่าเข้าสหรัฐ ทั้งวีซ่าถาวรและวีซ่าชั่วคราว ซึ่งเป็นที่เรื่องน่าเสียใจ  แต่การปฏิเสธด้วยเหตุผลดังกล่าวนั้นอยู่บนพื้นฐานที่ว่า HIV เป็นโรคติดต่อ ประกอบกับนโยบายด้านความปลอดภัยและสาธารณสุขแห่งชาติ ทางรัฐบาลจึงใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธไม่ให้ผู้ติดเชื้อ เดินทางเข้าสหรัฐฯ

เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ กฎหมายได้เปลี่ยนไปแล้ว  HIV ได้ถูกยกเลิกจากรายชื่อของโรคติดต่อที่ใช้เป็นเหตุผลในการไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ และจะไม่ถือเป็นเหตุในการปฏิเสธการยื่นคำร้องขอวีซ่า กล่าวได้ว่า ผู้ติดเชื่อ ซึ่งเป็นผู้ยื่นคำร้องขอวีซ่า ไม่ว่าจะแต่งงานกับพลเมืองอเมริกันแล้วหรือเป็นเพียงคู่หมั้น ของพลเมืองอเมริกัน การติดเชื้อ HIV จะเป็นปัญหาเฉพาะในแง่ของ ”ค่าใช้จ่ายสาธารณะ” ที่อาจเกิดโดยสอดคล้องกับที่ระบุไว้ในแบบฟอร์ม I-864 การให้สัตย์ปฏิญาณเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการเลี้ยงดู หรือ I-134  สำหรับวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) ดังนั้นเมื่อยื่นคำร้อง พลเมืองอเมริกันหรือผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมาย จำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่ามีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเลี้ยงดูคู่สมรสหรือคู่หมั้นในสหรัฐฯ และสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเรื่องการรักษาและยาที่เกี่ยวข้องกับภาวะการติดเชื้อ HIVของคู่สมรส/คู่หมั้นได้ด้วย  ในบางกรณีอาจเป็นสิ่งที่ดำเนินการได้โดยไม่ยากนัก  โดยเฉพาะถ้าเชื้อ HIV ควบคุมได้แล้วและการติดเชื่อไม่ปรากฏตัวแม้ในการตรวจหาก็ตาม อย่างไรก็ดี กรณีดังกล่าวก็ยังคงเป็นประเด็นที่น่ากังวลอยู่บ้าง ในแง่ของการให้สัตย์ปฏิญาณเป็นลายลักษณ์อักษรเกี่ยวกับการเลี้ยงดูและค่าใช้จ่ายสาธารณะที่จะเกิดขึ้น ถึงแม้ในปัจจุบันการติดเชื้อ HIV จะไม่นำมาใช้เป็นเหตุผลในการปฏิเสธการเข้าประเทศโดยอัตโนมัติ จึงไม่จำเป็นต้องขอคำสั่งให้ยกเว้นจากการไม่ให้เข้าประเทศสหรัฐฯตามแบบฟอร์ม  I-601 ด้วยก็ตาม

ดังนั้นข้อมูลสำคัญที่จะได้จากวีดีโอเรื่องนี้คือ ถึงแม้ HIV จะไม่ได้เป็นเหตุที่ทำให้ได้รับการปฏิเสธการเดินทางเข้าสหรัฐฯ อันจะเป็นผลให้ต้องขอคำสั่งให้ยกเว้นตามแบบฟอร์ม I- 601ตามมาด้วยก็ตาม แต่ก็อาจเป็นผลทำให้การกำหนดเกณฑ์รายได้ของผู้เลี้ยงดูขยับสูงขึ้นกว่าบุคคลทั่วไป เพราะพลเมืองอเมริกันหรือผู้อยู่อาศัยถาวรที่ถูกต้องตามกฎหมายผู้นั้น จำเป็นที่จะต้องแสดงหลักฐานให้เป็นที่ประจักษ์ว่าเมื่อคู่สมรสที่อยู่ในภาวะติดเชื้อ HIV ได้เข้าไปพำนักอาศัยอยู่ในสหรัฐฯแล้ว ตนสามารถรับผิดชอบภาระค่าใช้จ่าย ทั้งการเลี้ยงดูและค่าใช้จ่ายทางการแพทย์ของคู่สมรสได้ ซึ่งอาจทำได้ด้วยระบบประกันสุขภาพ หรืออื่นๆเป็นต้น