Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawกระบวนการขอวีซ่า K-3 (ประเภทคู่สมรส) ในปี 2020

กระบวนการขอวีซ่า K-3 (ประเภทคู่สมรส) ในปี 2020

Translation of the above video, for original transcript please see: K3 Visa Thailand.

วีดีโอเรื่องนี้จะกล่าวถึงวีซ่า K-3 (ประเภทคู่สมรส) เฉพาะในบริบทของผลกระทบจากการเปลี่ยนปีปฏิทิน เป็นปี 2020

หลายครั้งที่ผมได้รับคำถามเกี่ยวกับระเบียบวิธีปฏิบัติในการขอวีซ่าจากผู้คนทั่วไปว่าเมื่อขึ้นปีใหม่แล้วขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงหรือไม่ ซึ่งผมอยากจะอธิบายว่าจริงๆแล้วการเริ่มปีใหม่ไม่ได้เป็นการขีดเส้นว่าทุกอย่างจะต้องเปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาแค่ข้ามคืน     แต่มันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ค่อยเป็นค่อยไป อย่างเช่นในปี 2019 มีการเปลี่ยนแปลงบางอย่างในกระบวนการเข้าเมืองของสหรัฐ ซึ่งผมรู้สึกได้ว่า มีความแตกต่างจากปีก่อนหน้านั้นอย่างเห็นได้ชัด และผมคิดว่าในปี 2020 ก็คงจะยังเป็นไปตามนั้น

สิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึงเกี่ยวกับวีซ่า K-3 ซึ่งเคยเป็นประเด็นในปี 2019 มาแล้ว  และในปี2020 นี้ก็คาดว่าจะเป็นประเด็นขึ้นมาอีกเช่นกันก็คือ การปิดคำร้องขอวีซ่า K-3  ตรงนี้ต้องอย่าลืมว่า K-3 เป็นวีซ่าชั่วคราว  ซึ่งนำมาใช้ภายใต้บทบัญญัติของกฎหมาย Life Act โดยประธานาธิบดี Clinton เพราะในสมัยนั้น กระบวนการเกี่ยวกับวีซ่าคู่สมรสใช้เวลานานมากเมื่อเทียบกับวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) สภาคองเกรสจึงออกแบบวีซ่า K-3 เพื่อใช้เป็นทางออก ต่อมา ทาง USCIS ได้ปรับปรุงกระบวนการส่งผลให้การพิจารณาวีซ่าคู่สมรสไม่มีความล่าช้าอีกต่อไป ความจำเป็นของวีซ่า K-3 จึงหมดไป ประมาณปี 2010-2011 เราเริ่มพบว่าศูนย์วีซ่าแห่งชาติเริ่มปิดคำร้อง K-3 เพราะวีซ่าคู่สมรสแบบธรรมดาไม่มีความล่าช้าแล้ว

ในปี 2020 ผมคิดว่า การปิดรับใบคำร้องขอวีซ่า K-3 ก็จะยังคงมีอยู่ต่อไป และในขณะเดียวกัน ผู้ที่ยื่นขอวีซ่า K-3 ก็จะเจอเหมือนกับการขอวีซ่า K-1  คือจะมีการขอหลักฐานเพิ่มเติม (RFE) มากขึ้นถ้าเทียบกับปีที่ผ่านมา  หมายความว่า เมื่อก่อนนี้ การยื่นคำร้องแม้จะต้องเตรียมหลักฐานจำนวนมากแต่ก็ยังมีการขอหลักฐานเพิ่มเติมอีก ซึ่งถ้าจะมองในแง่ดีก็อาจจะทำเพื่อเพิ่มความละเอียดรอบคอบในการตรวจตรา แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จะเห็นได้ว่าหลังจากมีคำสั่งของฝ่ายบริหารที่ออกมาเมื่อไม่นานมานี้ ได้อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ที่พิจารณาคำร้องสามารถที่จะปฏิเสธคำร้องได้ง่ายขึ้นถ้าเทียบกับในอดีต อันเป็นเหตุทำให้การขอหลักฐานเพิ่มเติมมีความสำคัญมากขึ้น ดังนั้นในปัจจุบันการยื่นคำร้องจึงจำเป็นต้องมีหลักฐานมากมาย และการขอหลักฐานเพิ่มเติมก็อาจนำไปสู่การปฏิเสธวีซ่าได้ด้วย ดังนั้น จึงเป็นความคิดที่ดีที่จะมีคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญทางกฎหมายเพื่อที่จะทำความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการให้มากขึ้นและยังเพื่อเป็นการเตรียมคำร้องให้ดีที่สุดอีกด้วย

เนื่องจากการขอหลักฐานเพิ่มเติมโดยเจ้าหน้าที่น่าจะเกิดขึ้นมากกว่าเดิมในปี 2019 ที่ผ่านมา ดังนั้นผมจึงคิดว่าการที่จะยื่นคำร้องด้วยตัวเองอาจจะทำได้ยากขึ้นด้วย  ซึ่งไม่ใช่เป็นเพราะผู้ยื่นคำร้องด้วยตัวเองขาดความสามารถในการจัดเตรียมเอกสาร แต่เนื่องจากกระบวนการเริ่มที่จะยุ่งยากมากขึ้น  ผู้ที่คิดว่าจะเตรียมคำร้องด้วยตัวเองก็อาจจะพบกับความยุ่งยากมากขึ้นเช่นกัน จึงแนะนำว่า ผู้ที่จะยื่นขอวีซ่า K-3 ควรจะมีที่ปรึกษาหรือขอคำแนะนำจากผู้ที่มีความรู้ทางด้านกฎหมายเกี่ยวกับการยื่นคำร้องเพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความล่าช้าหรือการถูกปฏิเสธคำร้อง

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอ่านที่วีซ่า K3 ประเทศไทย