Integrity Legal - Law Firm in Bangkok | Bangkok Lawyer | Legal Services Thailand Back to
Integrity Legal

Legal Services & Resources 

Up to date legal information pertaining to Thai, American, & International Law.

Contact us: +66 2-266 3698

info@integrity-legal.com

ResourcesVisa & Immigration LawUS Immigration Lawการใช้กัญชาจะมีผลต่อคำร้องวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) หรือไม่?

การใช้กัญชาจะมีผลต่อคำร้องวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) หรือไม่?

For original transcript in English please see: K1 Visa Marijuana.

วิดีโอเรื่องนี้ จะกล่าวถึงวีซ่า K-1 (ประเภทคู่หมั้น) ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับกัญชา โดยเฉพาะ เนื่องจากในปัจจุบันผู้คนในสหรัฐฯ ให้ความสนใจเรื่องเกี่ยวกับกัญชาอย่างมาก เพราะมีหลายเขตอำนาจศาลที่กำลังพิจารณาให้การรับรองว่ากัญชาเป็นสารที่ถูกต้องตามกฎหมาย โดยเฉพาะกัญชาที่ใช้ในการสันทนาการ ยกตัวอย่างเช่นในรัฐโคโลราโด (Colorado)เป็นต้น และการกัญชาใช้ในทางการแพทย์ที่แคลิฟอร์เนียก็ถือว่าไม่ผิดกฎหมาย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องระลึกไว้อยู่เสมอคือ กฎหมายของรัฐบาลกลางยังคงเหมือนเดิม ซึ่งกำหนดไว้ว่า กัญชาเป็นสารที่ต้องควบคุมอย่างเข้มงวด และการมีกัญชาในครอบครองหรือการเสพ (usage) กัญชาถือเป็นการกระทำที่ละเมิดกฎหมายของรัฐบาลกลาง ซึ่งถึงแม้บางรัฐอาจอนุญาตให้ใช้ แต่รัฐบาลกลางยังไม่ได้อนุญาต   สิ่งนี้จะส่งผลกระทบอย่างหนักหนาสาหัสใน หลากหลายบริบทของการเข้าเมืองซึ่งผมจะได้กล่าวต่อไป สิ่งที่ต้องพึงระลึกไว้อีกประการซึ่ง ผมคิดว่าเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงมากก็คือ ผู้ที่กำลังขอวีซ่า K-1(ประเภทคู่หมั้น) จากประเทศไทย ต้องเพิ่มความระมัดระวังในเรื่องนี้ให้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากประเทศไทยได้ออกกฎหมายที่จะผ่อนคลายกฎระเบียบเกี่ยวกับการใช้กัญชา และผลิตภัณฑ์ที่ผลิดจากกัญชา  นอกจากนี้ ประเทศไทยยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการใช้กัญชาในทางการแพทย์อีกด้วย ซึ่งอาจมีผลผลกระทบอย่างกว้างขวางในหลายด้านซึ่งเราได้ทำวีดีโอเฉพาะเรื่องนี้ไว้แล้ว

สำหรับวิดีโอเรื่องนี้ สิ่งทีผมอยากจะบอกคือ ผลกระทบที่มีต่อกัน ระหว่างกัญชากับกระบวนการการเข้าเมือง ก่อนอื่น ผู้เข้าเมืองจะต้องระลึกไว้เสมอ 2-3 ประการคือ ผู้เข้าเมืองจะต้องปฏิบัติตามทั้งกฎหมายของรัฐบาลกลาง และกฎหมายของรัฐด้วย และต้องระลึกไว้ด้วยว่า การเสพ หรือครอบครองกัญชาถือเป็น เหตุผลทางกฎหมายที่จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ ซึ่งไม่จำเป็นว่าจะต้องมีการตัดสินว่าทำผิดก็ได้ เพียงแค่สารภาพในศาลว่าเคยมีกัญชาในครอบครอง หรือเคยเสพก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ  ถึงแม้ว่าผู้นั้นจะไม่เคยถูกศาลตัดสินว่าเคยกระทำผิดเกี่ยวกับกัญชามาก่อนก็ตาม

อีกประการหนึ่งสำหรับผู้ที่กำลังยื่นคำร้องขอวีซ่าในประเทศไทย จะต้องระลึกไว้เสมอก็คือเขาจะต้องผ่านการตรวจสุขภาพโดยแพทย์ผู้ได้รับการรับรองจากสถานเอกอัครราชทูต สหรัฐฯ ประจำประเทศไทยเท่านั้น และหน้าที่ของแพทย์ผู้นั้นคือ จะต้องวินิจฉัยว่า ผู้ที่กำลังขออนุญาตเดินทางเข้าสหรัฐฯ มีปัญหาเกี่ยวกับยาเสพติดหรือไม่ ดังนั้น การใช้หรือการทดลองใช้กัญชาอาจสร้างปัญหาที่รุนแรงกับผู้ที่ขอวีซ่าได้โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยซึ่งต่อไปอาจจะออกกฎหมายว่าการใช้กัญชาหรือผลิตภัณฑ์ที่ทำจากกัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย แต่ภายใต้กฎหมายของรัฐบาลกลางของสหรัฐฯแล้ว ไม่เพียงแต่ถือว่าผิดกฎหมายแต่ยังเป็นเหตุผลทางกฎหมายที่จะไม่อนุญาตให้ผู้นั้นเดินทางเข้าสหรัฐฯ ตามบทบัญญัติของกฎหมายการเข้าเมืองและสัญชาติสหรัฐฯ อีกด้วย ในทางทฤษฎีกล่าวได้ว่า กฎหมายของรัฐบาลกลางอาจมีการปรับเปลี่ยนในอนาคตตามสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนไป แต่กฎหมายการเข้าเมืองไม่ได้เปลี่ยนไปด้วย และยังถือเป็นเหตุผลทางกฎหมายที่จะไม่อนุญาตให้เดินทางเข้าสหรัฐฯ จนกว่ากฎหมายฉบับนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงด้วย ซึ่งผมมองว่าเป็นไปได้ยาก

จุดประสงค์ของวีดีโอเรื่องนี้คือหากคุณคิดจะเดินทางไปสหรัฐฯ หรือย้ายไปอยู่สหรัฐฯ หรือได้เดินทางเข้าสหรัฐฯแล้วด้วยวีซ่าประเภท K-1 หรืออยู่ระหว่างการขอปรับสถานะ คุณควรจะต้องไตร่ตรองให้ดีว่า “ฉันจะต้องการเสี่ยงกับผลกระทบที่จะตามมาอันเกิดจากการเสพกัญชาหรือไม่ เพราะผลกระทบในทางลบนั้น อาจส่งผลให้ฉันถูกส่งออกนอกประเทศและถูกห้ามเข้าประเทศไม่ว่าจะด้วยสถานะใดก็ตาม”  และสำหรับในกรณีของการยื่นขอวีซ่า K-1 ด้วยแล้ว คุณควรคิดไว้ก่อนว่า “ในระหว่างรอผลการพิจารณาคำร้องวีซ่า K-1ในประเทศไทย ฉันควรที่จะไปเล่นกัญชาหรือไม่?” ถ้าคุณอยู่ในสหรัฐฯ และกำลังรอการปรับสถานะ หรือเป็นผู้ถือกรีนการ์ดอยู่แล้วแต่อยู่ระหว่างรอการขอยกเลิกเงื่อนไข หรือกำลังเข้าสู่กระบวนการแปลงสัญชาติก็ตาม คุณต้องถามตัวเองว่า คุณต้องการที่จะเผชิญกับผลลัพธ์ในทางลบจากการใช้กัญชาหรือไม่? ในความคิดเห็นส่วนตัวของผม ผมคิดว่าเป็นการดีกว่าที่จะอยู่ให้ไกลจากเรื่องนี้ไปเลย นอกเสียจากว่าคุณเป็นพลเมืองอเมริกันอยู่แล้ว แต่ถึงแม้คุณจะเป็นพลเมืองอเมริกันก็ตาม ก็ยังมีความไม่ชัดเจนเกี่ยวกับผลกระทบที่จะมีต่อกันระหว่างกฎหมายของรัฐบาลกลางกับกฎหมายของรัฐต่างๆ ในประเด็นของกัญชา

หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมโปรดอ่านที่: วีซ่า k1